"เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเต็มบ้าน แต่หัวใจกลับไม่อิ่มเต็ม"
เฟอร์นิเจอร์ในท้องตลาดมีให้เลือกมากมาย หลายรุ่นหลายแบรนด์ หลายราคา เจ้าของบ้านแต่ละหลังต้องการเฟอร์นิเจอร์ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่คิดเหมือนกันก็คือการซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อมาตกแต่งบ้านให้ถูกใจตนเอง
การซื้อด้วยอารมณ์ เห็นสวยก็ซื้อ เห็นลดราคาก็ซื้อ เห็นคนนิยมซื้อก็ซื้อ แต่ไม่ได้พิจารณาว่าเราจำเป็นต้องใช้สิ่งของชิ้นนั้นหรือไม่ เมื่อเริ่มซื้อของเข้ามาเต็มบ้านก็จะเริ่มวางระเกะระกะ และฝุ่นจับเพราะสิ่งของที่มากจนเกินไป ดูแลทำความสะอาดไม่ทั่วถึง
ถ้าสิ่งของเครื่องใช้มากมายเกินไปอาจจะทำให้สมองยุ่งเหยิง และบางครั้งเราเกิดการยึดติดสิ่งต่างๆในอดีต ไม่ปล่อยวางที่จะทิ้งสิ่งของหรือความคิดนั้นไป สมองของเราก็ย้ำคิดแต่สิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เพราะเมื่อเราเติมชีวิตเราด้วยวัตถุ เราจะเติมเข้าไปเรื่อยๆเท่าไรก็ไม่อิ่มเต็ม
Minimal Style
“Less is More” น้อยแต่มาก น้อยในที่นี้คือ ใช้สิ่งของตามความจำเป็นและมีประโยชน์ตามความเหมาะสม มากคือมากด้วยความรู้สึกและตอบสนองประโยชน์วิถีแห่งความสุขได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเทคนิคในการเลือกใช้โทนสีพื้นอ่อนๆ มาใช้ในการตกแต่งบ้าน ซึ่งจะช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้แก่ผู้พักอาศัยได้เป็นอย่างดี
สไตล์ Minimal กับ Modern ต่างกันอย่างไร
#Modern Style มีตั้งแต่สมัยปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป มีการตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เส้นสายองค์ประกอบและเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบกราฟิค รูปทรงเรขาคณิต สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม ทรงกลม วัสดุส่วนใหญ่ที่นำมาตกแต่งส่วนใหญ่ มีกลิ่นอายของความเป็นอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ อาทิ กระจก โลหะ หนัง เป็นต้น
Minimal จะแตกต่างจาก Modern Style ตรงที่ Minimal จะเน้นเรื่องของพื้นที่ (Space) เป็นส่วนใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ หรือ องค์ประกอบต่างๆจะถูกซ่อนอยู่ในผนังให้ดูกลมกลืนกับบรรยากาศโดยรวม อีกทั้งยังให้ความรู้สึกผ่อนคลาย (Comfort) สมองปลอดโปร่ง
แต่งบ้านอย่างไรให้เป็น Minimal ในแบบเรียบง่าย
คือการให้ความสำคัญกับพื้นที่ว่าง เน้นการลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป แล้วเก็บแต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น เพราะเสน่ห์ของสไตล์นี้ก็คือ ความเรียบง่ายของเส้นสาย ลงตัวกับรูปทรงและโครงสร้างของอาคาร เฟอร์นิเจอร์และสิ่งประดับตกแต่งต่างๆไม่มากจนเกินไป
ชั้นเก็บของข้างผนัง หรือตู้เสื้อผ้าในห้องนอน มักจะออกแบบให้ถูกซ่อนอย่างกลมกลืนไปกับอาคารหรือเครื่องเรือน อาจมีการออกแบบผนังหรือมุมต่างๆ ให้ซ่อนตู้หรือลิ้นชักเก็บของโดยให้หน้าบานกลมกลืนไปกับผนังห้อง ก็จะช่วยอำพรางความไม่เป็นระเบียบของบ้านได้ยิ่งขึ้นด้วย
โทนสีของมินิมอล อยู่ในโทนสีแบบโมโนโทน หรืออาจจะเน้นพื้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่งให้มีความโดดเด่นหรือสีฉูดฉาด สำหรับสไตล์ Minimal ไม่ได้มีโทนสีเฉพาะเจาะจง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สีพื้นอย่าง ขาว ดำ เทา ครีม เป็นต้น เพราะให้ความรู้สึกที่เบา ไม่ฉูดฉาดเกินไป แต่ก็สามารถใช้สีโทนอื่นได้เช่นกัน แต่ให้คุมโทนไว้สามเฉด คือ สีเข้ม สีกลาง และสีอ่อน เช่นเลือกสีดำเป็นสีเข้ม สีขาวเป็นสีอ่อน ดังนั้นสีกลางคือสีเทา เป็นต้น
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย นิยมแบบเรียบๆ ในหนึ่งชิ้นสามารถใช้ได้หลายหน้าที่ เช่น ตู้โชว์ที่สามารถเป็นชั้นหนังสือ และชั้นวางทีวีได้ด้วย เลือกเตียงที่มีช่องเก็บของเล็กๆ ใต้เตียง และการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ควรซื้อเฉพาะเท่าที่จำเป็นและคุมโทนสีของ เฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นด้วย และมักเลือกใช้สีขาว หรือสีสันค่อนข้างขรึม เพื่อให้บ้านมีบรรยากาศที่ดูเรียบ สงบ และผ่อนคลาย
ของตกแต่งเช่น แจกัน รูปภาพ หรือผลงานศิลปะต่างๆช่วยสร้างบรรยากาศให้กับผู้อยู่อาศัยได้ เพียงแต่คัดเลือกมาเพียงสักชิ้นสองชิ้นที่คิดว่าโดดเด่นที่สุดก็ลงตัวแล้ว
มิได้เป็นเพียงตัวกำหนดแนวคิดในการตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวกำหนดวิถีการดำรงชีวิตที่ไม่ยึดติดกับการสะสมสิ่งของใช้ที่มากล้นเกินจำเป็น ปล่อยใจให้สบาย ปล่อยสมองให้โล่ง มีความสุขผ่อนคลายทุกครั้งที่อยู่บ้าน
motto เป็นเฟอร์นิเจอร์สไตล์มินิมอล ที่ออกแบบภายนอกให้เรียบง่าย ในสีเอิร์ธโทน สบายตา ไม่เบื่อง่ายไม่เปลี่ยนบ่อย แข็งแรงทนทาน ส่วนภายในมีชั้นวางของให้เก็บเป็นระเบียบง่ายต่อการหยิบใช้ ไม่เสียพื้นที่ไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น
หลังเลิกงานกลับบ้านมาแล้ว ได้พักสายตาจากความเหนื่อยล้า เข้ามาในบ้านที่มีพื้นที่โล่ง โปร่ง สบายตา ก็จะหายใจได้เต็มปอด ผ่อนคลายจากวันที่ยุ่งเหยิง เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับสิ่งสำคัญ และ คนสำคัญของคุณ
#motto modern minimal scandinavian furniture
เรียบง่าย...ดีไซน์แห่งความสุข